วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559


First time, Go Abroad to Study on 11-14 Oct.16 @Babson College, Boston American


ได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยด้าน ENTREPRENEUR อันดับ1 ของสหรัฐ

ได้ไปสักการะจัตุรัสภูมิพลอดุลยเดช

ได้ไปชมโรงพยาบาลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ประสูติ

.....ล้วนเป็นปัจจัยแห่งความตื่นเต้นกับการเดินทางในครั้งนี้ แตกต่างกับครั้งอื่นๆอย่างสิ้นเชิง



วันหนึ่ง หลังจากไปลงพื้นที่ที่ตำบลถ้ำรงค์ ร่วมกับพี่ตุ๊ ฟ้าเริ่มมืด ระหว่างเดินทางกลับไปตลาดดงยาง แหล่งจำหน่ายสินค้าและของดีชุมชน ระหว่างนั้นก็มีสายโทรศัพท์จากพี่หน่อย โทรมาพร้อมบอกว่า กร พี่มีข่าวดี...เดือนหน้า กรว่างไหม...” “ว่างครับพี่ กรตอบ ...เดี๋ยว คุณหนุ่มจะเรียนสายด้วยนะ “… ครับพี่ โดยรายละเอียดที่พูดคุย คือ หลักสูตร ENTERPREUERIAL ภายใต้โครงการ CEDI BABSON Entrepreneurial Leadership Program ในความร่วมมือของ Bangkok University กับ Babson College ซึ่งครั้งนี้ ถือเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว และ Babson ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยด้านการสร้างผู้ประกอบการอันดับที่ 1 จากการจัดอันดับขององค์กรต่างๆหลายแห่งในอเมริกา จะได้ความรู้...นำมาช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเมือง....คุณหนุ่มกล่าวสรุปทิ้งท้ายไว้ให้

วันเสาร์ที่ 8 ตค.59 หัวค่ำหลังจากการจัดกระเป๋าเพื่อเตรียมอุปกรณ์ เสื้อผ้า (แขนยาว  Sweater) ต่างๆ เสร็จเรียบร้อย (เช็คมาว่าอุณหภูมิเกือบ 5-6 c) จึงรีบออกเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องเวลา 23.30 น. ก่อนถึงสนามบินยังไม่วายซื้อกางเกง LEGGING และถุงมือ จาก UNICCO ที่เซ็นทรัลพระราม 2 (เจอพี่คิสนายกโรตารีภูเก็ตด้วย) จากนั้นไปสมทบพี่ร้อย น้องแว่น และพี่บิ๊ก เพื่อเตรียมเดินทางในไฟล์ EK419  กว่าจะออกก็ประมาณ 02.40 น. จากนั้นก้อดูหนังยาว เช่น Alice through the looking glass เป็นต้น จากนั้น 8.30 น. ก็มาถึง สนามบิน Dubai และเตรียมขึ้นเครื่องอีกที 8.40 น. (เวลา Dubai)


วันอาทิตย์ที่ 9 ตค.59 พวกเราก็มาถึงสหรัฐ ประมาณเวลา 14.30 น. จากไทย มาดูไบ 6 ชม. จาก ดูไบมา สหรัฐ อีก 13 ชม. เรียกว่ารวม 19 ชม. และถ้านับรอเปลี่ยนเครื่อง น่าจะประมาณ 24 ชม. (1วัน) พอดีๆ  หลังจากนั้นเตรียมผ่านด่านตรวจคนเข้า จากนั้นเดินตามช่อง เดินตามๆ ฝรั่งไป กลายเป็นไปโผล่ช่องที่ต้องผ่านเครื่อง Automation ต้องคีย์ข้อมูลผ่านด่าน ซึ่งมีจนท.ฝรั่งจะสอบถามรายละเอียดการเดินทางและป้อนข้อมูล พิมพ์ออกมาเป็นสลิปให้เรายื่นจนท. ขณะที่ถาม จนท.ไปกดเลือกประเภทการมาเป็น Business ต่อคิวตั้งนาน ขณะที่พี่ที่มาด้วยไปเข้าช่องนักเดินทางต่างประเทศ ผ่านการตรวจไปทีละคน (ทราบภายหลังว่ามาช่องนักท่องเที่ยวภายในประเทศ) จากนั้นเมื่อถึงคิวเรา จนท.ฝรั่งจึงถามยาวเลยว่ามาทำธุรกิจอะไร เจ้าหน้าที่คนไหนกดเลือกประเภท Business และ Profer.ที่จะไปเรียนชื่ออะไร อธิบายกันยาวนิดหน่อย และจึงบอกว่ามาเรียนระยะสั้น และได้ซื้อตั๋วกลับเรียบร้อยแล้ว จึงปล่อยผ่าน ผ่านมามาบริเวณสนามบินโรแกน ของนครบอสตัน (มองหาที่ขายซิมอเมริกาไม่มีเลย) โชคดีที่ซื้อซิม TOFLY ของ AIS 15 วันในอเมริกา (Unlimited) และได้เข็มมาจิ้มเปลี่ยนซิมจากพี่อำนวย เลยสบายไป



ขึ้นรถตู้คันใหญ่ โดยมีคุณฮิม คนไทยประจำสหรัฐมารับเพื่อไปส่งที่โรงแรม Sheraton Boston ประมาณ 16.00 น. ก็มาถึง ที่นี้ค่อนข้างอยู่ใจกลางเมือง เมื่อนำสัมภาระเก็บ พวกเราก็แยกย้ายเดินเล่นที่ Prudential Center ได้สบายเลย จากนั้นจึงไปทานอาหารที่ร้าน Union Oyster House ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ของที่นี้ และโอบามา ก็เคยมาทานร้านนี้ด้วย จุดเด่น คือ หอยนางรมสดๆ ซึ่งพวกเราก็จัดเต็มกันมาเลย นับเป็นมื้อแรกของที่นี้ ...บอสตัน


วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 59 ตื่นตี 3 ดูข่าวการผลการปราศรัย 2 rd Presidential Debate ระหว่าง ของ CLINTON กับ TRUMP (รู้สึกว่าดุเดือดพอควร ทีวีทุกช่องออกอากาศหมด ทาง Trump ก็กล่าวพาดพิง ถึงเรื่องประเด็นอีเมล์ที่ถูกลบทิ้ง ทาง Hillary ก็ตอบโต้ ในประเด็นคลิปเสียงในการดูถูกเพศสตรีของ Trump แต่ดูเหมือนจะมีคำถามสุดท้ายที่พิธีกรถามทั้งสองว่า มีอะไรที่ทั้งสองท่านชื่นชมต่อกัน ซึ่ง Trump ก็ชื่นชมในการเป็นนักต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ของ Hillary ส่วน Hillary ก็ชื่นชมว่า Trump มีลูกที่ดี)

จากนั้นลองโหลดโปรแกรม Amazon.com เพื่อศึกษาเผื่อจะสั่งซื้อสินค้าแล้วให้มาส่งที่มหาวิทยาลัยที่เราเรียน (เพื่อนๆแนะนำจะได้ไม่ต้องเสียค่าจัดส่งของ) จากนั้นลงมาเดินยามเช้าแถวโรงแรม ซื้อกาแฟ Au pon pan เดินชมบรรยากาศรอบเมือง Boston ภายใต้อุณหภูมิ 4-5 c เย็นสบาย เดินผ่าน Copley Place ผ่านพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด Boston,  Apple shop, Boston Architectural College




จากนั้นพวกเราไปทานติ่มซำที่ ร้านอาหารจีน ที่ร้าน HEI La Moon Restaurant แนะนำโดยน้องบอย เจ้าถิ่นบอสตัน ว่าอร่อยและได้รับความนิยมมาก (อยู่ใกล้วัดจีน) แล้วจึงมุ่งไปช้อปปิ้งที่ Wrentham Village Premium outlets แบรนด์ดังๆมากมาย ที่สำคัญลดกว่า 40%-50% ด้วยอ่ะ เช่น Polo Ralph lauren, Banana Republic, DKNY, Armani Outlet รวมกว่า 60 แบรนด์





ต่อด้วยไปวัดนวมินทรราชูทิศ เฉลิมพระเกียรติ นครบอสตัน สหรัฐอเมริกา เป็น 1 ใน 4 วัดไทยประจำบอสตัน แต่ถือเป็นวัดที่มีขนาดอาณาเขตใหญ่ที่สุดในวัดต่างประเทศที่นี้ บรรยากาศเรียบสงบ สวยงาม ที่วัดจะแบ่งเป็นชั้นๆ มีชั้นสำหรับศาสนพิธี  ที่สำคัญมีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับในหลวง ร.9 (มีพระราชประวัติ โรงพยาบาลเมาท์ออเบิรน์ อาคารที่พระราชสมภพ สถานที่ประทับเมื่อทรงพระเยาว์ จุตรัสภูมิพลอดุลยเดช รูปภาพของพระองค์หาชมยาก รวมถึงรางวัล และปริญญาที่พระองค์ได้รับพระราชทานจากประเทศสหรัฐ) และห้องสมุดที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา ส่วนชั้น 4 จะเป็นส่วนของพระอุโบสถมีพระประธานองค์ใหญ่ ซึ่งก็จะมีคนไทย คนเกาหลี คนญี่ปุ่น แวะเวียนมาทำบุญกันอย่างต่อเนื่อง










ช่วงบ่าย เข้ามา Check in ที่ Babson Executive Conference Center  (ซึ่งจะเป็นที่เรียนของพวกเราตลอด 11-14 Oct. 16) เป็นส่วนหนึ่ง Babson College ตั้งอยู่ทางตะวันตกของบอสตัน ซึ่งถือเป็นเมืองแห่งการศึกษา มีกว่า 100 สถานศึกษา และนักเรียนกว่า 250,000 คนต่อปี 10% จะเป็นนักเรียนต่างชาติที่มาเรียน สำหรับ Babson เองก็ได้รับการเลือกเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ในสหรัฐ ของการสร้างผู้ประกอบการ ติดต่อกันเป็นปีที่ 21 แล้ว จากนั้นพวกเราก็ทยอยเข้าพัก (เปลี่ยนห้องไป 2 ห้อง ห้องแรกคีย์การ์ดเข้าไม่ได้ ห้องที่สองกุญแจ พัง เลยมาโชคดีได้ห้องที่ 3 มีระเบียงให้สามารถออกไปรับลมได้ด้วย)




วันอังคารที่ 11 ตุลาคม 59 เริ่มเรียนวันแรก ของคลาส โดย Prof. Jay  Rao  Jay ทักทายพวกเราอย่างอารมณ์ดี และกล่าวต้อนรับ พร้อมชี้แจงเป็นขั้นตอนของเรียนว่าเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญไม่ต้องกังวลกับการจด PWP ทางวิทยาลัย ได้จัดให้ทุกคนสามารถเข้าสื่อเว๊ปไซด์ Blackboard ของแต่ละคน ซึ่งสามารถโหลด PWP  หรือ Article ต่างๆ ได้ ขอให้พวกเราทุกคนเข้าใจในหัวข้อต่างๆ เป็นสำคัญ และเราเข้าใจคนไทย และจะพูดไปอย่างช้าๆ ถ้าเร็วไปอย่างไร บอกได้เสมอ (Jay ทิ้งท้ายไว้)






ประเด็นคือ ผมนั่งหน้าริมไซด์เลยยย (ตื่นเต้นจุง) ซึ่งเช้าวันนี้ เรามาเรียนให้เข้าใจถึง หัวข้อ Innovation: Entrepreneurial Though & Action  จากนั้นช่วงบ่าย Jay มาต่อที่หัวข้อ The Dynamics of Innovation ซึ่งระหว่างเรียน ข่าวสารจากเมืองไทย ส่งผ่านทาง line แก่พวกเรา พวกเราก็ต่างหารือในความกังวลเกี่ยวกับพระวรกายของพระองค์ท่านตลอด….

ตอนเย็นมี Cocktail Reception เล็กๆ ให้พวกเราได้ Relax และคุ้นเคยระหว่างอาจารย์และผู้เรียน ที่ทางวิทยาลัยจัดให้ แล้วจึงแยกย้ายพักผ่อน



เช้าวันพุธที่ 12 ตุลาคม ลุกตื่นอัตโนมัติ ตอนตี 3 อีกครั้ง ตั้งใจว่าจะไปถ่ายภาพที่ป้าย Babson College ให้เต็มที่เลย พร้อมกับไปร่วมการไปวิ่งกับพี่ๆ  จากนั้นมาเรียนต่อกับ Prof. Jay (มาเวลา 8.27 น. เกือบสาย) หัวข้อ Entrepreneurial Leadership & Culture of Innovation The VUCAH World ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการยก Case IBM Apple  และมีแบ่งกลุ่ม Discuss ถ้าเป็น Gorilla จะมีกลยุทธต่อสู้กับ Monkey อย่างไร  (มีการเปรียบเทียบธุรกิจเป็นสามระดับ) และช่วงบ่าย เรียนหัวข้อ #CX #UX #XD Innovation วันนี้ ทั้งวัน พวกเราเรียนกันแบบ



 พอเลิกเรียน เจ๊นุช ผู้อำนวยการหลักสูตรก็พาพวกเรา ได้เปลี่ยนรสชาติอาหารบ้าง (คงกลัวเราจะเบื่อ) เลยไปทานร้านอาหารไทย Amarin of Thailand ได้ทานกระเพรา ไข่เจียวแล้ว และแวะศึกษาร้านค้าท้องถิ่น Natick Mall ที่นี้ เราเข้ามาก็พบ บูธของ Amazon.com และพบกับ case Innovation ของ Amazon คือ Echo (179$) Alexa Personal Assistance สุดยอดมากๆ ถามอะไรตอบได้หมด



วันพฤหัสที่ 13 ตค. 59

ลุกตื่นอัตโนมัติ ตอนตี 3 อีกครั้ง ได้มาอ่านข่าวใน FB มีภาพและข่าวทีวีรวมการเฉพาะกิจถ่ายทอดสด โดยตระเตรียมและเริ่มพิธีการเคลื่อนย้ายพระบรมศพ ตอนตี 4 (ขณะที่ทราบภายหลังว่าเวลาที่พระองค์ท่านเสด็จสวรรคต วันที่ 13 ตุลาคม 15.52 น.) ....ลงมาออกไปเดินหน้าศูนย์เห็นฟ้าครึ้ม ซึ่งต่างจากเมื่อวานมากกกก พูดไม่ออก แต่รู้สึกว่าเป็นวันที่สุดจะเอ่ยจริงๆ




กลับมาจึงเข้ามาทานอาหารเลย (กันเผื่อสาย) พบ Prof. Ed Maramm เลยได้คุยว่าเคยดู YouTube และชอบการตั้งคำถามของ Ed ที่ว่า WHAT do you want to do everyday? What should you do everyday? And What do you want to do everyday? แล้วจึงขอตัวไปอาบน้ำ และเข้าห้องเรียนต่อ ในหัวข้อ Surviving & Thriving Through Tumultuous Time ระหว่างเรียนมี Discuss จุดใดที่ควรขายหรือไม่ขายธุรกิจ ถ้าไม่ขายจะใช้กลยุทธ์อะไรต่อสู้





และช่วงบ่าย มาเรียนกับ Prof. Anirudn Dhebar กับหัวข้อ Marketing Leadership มีแบ่งกลุ่มให้ต่อเส้นสปาเก็ตตี้  เชือก กระดาษกาวให้สูงที่สุด และมาวิเคราะห์ว่าทำอย่างไร

พอเลิกเรียน พวกเราจึงได้นัดหมายภารกิจสำคัญ ที่จะไปร่วมงานถวายความอาลัย ที่ King Bhumibol Adulyadej of Thailand Squareจัตุรัสภูมิพลอดุลยเดช (โดยแวะไปทานร้านเวียดนาม ก่อน) พอมาถึง ก็เห็นผู้คนมากมายล้อมรอบจัตุรัส ต่างถือเทียน และรอการประกาศจากผู้นำแกนกลาง และจึงจุดเทียน สักพักต้นเสียงให้สัญญาณ พวกเราทุกคนต่าง ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ด้วยความโศกเศร้า บรรยากาศเป็นไปด้วยความนิ่งเงียบ (จะมีแต่เสียงเพลง จากร้านฝั่งตรงข้าม ที่คงเปิดตามปกติและไม่ทราบว่าเราเกิดอะไรขึ้น)....สำหรับผมแล้ว การมาครั้งนี้ ตั้งใจว่าจะมากราบ จัตุรัสภูมิพลอดุลยเดช ในครั้งนี้ให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต แต่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นการกราบในโอกาสอันเนื่องจากความเศร้าโศกแทนที่ ...ดอกไม้จากคนไทยในบอสตัน ถูกสลับหมุนเวียนมาวางถวายความอาลัยอย่างต่อเนื่อง... พระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่วิเศษสุดของคนไทยจริงๆ(สงบใจนิ่ง)




ขอกราบพระบาทน้อมเกล้าฯส่งเสด็จพระองค์ สู่สวรรคาลัย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ณ King Bhumibol Adulyadaej of Thailand Square นครบอสตัน อเมริกา

วันศุกรที่ 14 ตค.  ลุกตื่นอัตโนมัติอีกแล้ววว ตอนตี 3 คราวนี้กลับมาทบทวนเนื้อหาที่เรียนไปทั้งหมด และเตรียมตอบตัวเองว่าได้อะไร และจะนำไปปรับใช้กับธุรกิจ องค์กรได้อย่างไร (และวันนี้อาจารย์ต้องถามแน่เบย) ลงมาทานอาหาร และเข้าเรียนกับ Prof. Les Chamm หัวข้อ Business Model Innovation  โดยมีการแบ่งกลุ่ม ให้ยกตัวอย่างธุรกิจที่จะ Startup จาก  Pain and Gain  รวมถึงประโยคฮิต Steal


…. ส่วนช่วงบ่าย สรุปบทเรียนกับ Prof. Anirudn Dhebar กับหัวข้อ Marketing Leadership : Entrepreneurial Imperative & Discipline and The Discipline of Growth : Minding the Gap และมีประโยคเด็ดคือ Don’t take photograph standing up

จากนั้น พิธีปิดหลักสูตรโดย Prof. Jay กล่าวสรุป และมอบประกาศนียบัตรให้พวกเรา




วันเสาร์ที่ 15 ตค.59  วันนี้ ตื่นค่อนข้างปกติหน่อย คือ 6 โมงเช้า (ร่างกายเริ่มปรับตัวแล้ว) จัดแจงกระเป๋าสิ่งของต่างๆ ให้เรียบร้อย แล้วแอบเอากล้องไปถ่ายรูปจุดๆต่างๆที่ยังไม่ได้เก็บรอบๆ อาคาร แล้วจึงมาทานอาหาร  ... 9.30 น. คือเวลานัดหมาย และเป็นวันที่มีจุดมุ่งหมายที่สำคัญยิ่งของพวกเรา คือ  โรงพยาบาลเมาท์ออเบิรน์ และจัตุรัสภูมิพลอดุลยเดช (ภาคกลางวันอีกครั้ง) เพื่อไปถวายสักการะและน้อมถวายความอาลัย  จาก Babson ประมาณ 1.30 ชม. เราไปแวะเยี่ยมชม Pilgrim Memorial State Park บริเวณชายฝั่งทะเล บริเวณเคยเป็นที่ค้นพบแผ่นดินในยุคแห่งการล่าอาณานิคม ชมร้านค้าของที่ระลึกที่มีของมากมาย และทานกุ้งที่ lobster Hut เมื่ออิ่มก็เดินทางต่อไปที่จุดหมายสำคัญ อีก ประมาณชั่วโมงกว่า พวกเราเข้ามาแวะที่ Star market เพื่อซื้อดอกไม้ (และผมก็เลือก ลิลลี่สีเหลือง) ซักพักก็มาถึง Mount Auburn Hospital ซึ่งบริเวณทางข้างภายในโรงพยาบาลมีผนังที่นำเสนอประวัติของรพ. ที่สำคัญมีกรอบที่ยกระดับแสดงถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กษัตริย์ของประเทศไทยที่ได้ทรงพระประสูติ ที่นี้ และพวกเราก็ได้ถวายดอกไม้กราบสักการะ .....(มีคนไทยทยอยมาวางดอกไม้เรื่อยๆ)



พี่นุช พาพวกเราไปกราบอีกสถานที่ คือ อาคารฝั่งที่พระองค์ประสูติ ซึ่งมีแผ่นป้ายจารึกไว้



จากนั้น พวกเราก็ได้มาที่ King Bhumibol Adulyadej of Thailand Squareจัตุรัสภูมิพลอดุลยเดช อีกครั้ง กราบน้อยถวายความอาลัย ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์

ก่อนกลับสนามบิน ก็ได้มาแวะเดินชมบรรยากาศของมหาวิทยาลัย และการเรียนของ มหาวิทยาลัย Harvard และ The Massachusetls Institute of Technology (MIT) 


....แม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆที่ได้มาเยือนสหรัฐเพียง 7 วัน (9-15 ตค.) แต่เป็นช่วงวันเวลาที่ทรงคุณค่าอย่างมาก ทั้งประสบการณ์ความรู้จากการเรียน การได้เห็นสภาพของประเทศ การใช้ชีวิต ภาษา ข้อมูลข้อคิดต่างๆ และที่สำคัญ ได้มาในสถานที่สำคัญของพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระมหากรุณาธิคุณของคนไทยทั้งชาติ ณ เมืองบอสตัน ในช่วงเวลาที่มีความหมายและลึกซึ้ง เช่นนี้



ข้าพระพุทธเจ้าจะนำความรู้ที่ได้เรียน และสัมผัสในวันนี้ ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง องค์กร และประเทศชาติ ให้ได้

กราบพระบาท ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ดร.กรัณย์ สุทธารมณ์

นักศึกษาหลักสูตร CEDI BABSON Entrepreneurial Leadership Program รุ่นที่ 4

กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีเพชรบุรี จำกัด

ประธานเครือข่ายธุรกิจ Biz Club Thailand

รองผู้จัดการทั่วไปโรงแรม รอยัล ไดมอน เพชรบุรี

19 Oct.2016