บันทึกแห่งความทรงจำ....ปั่นไปบอกรักพ่อ
110 กม. (สมุทรสงคราม – เพชรบุรี – หัวหิน)
#5 ธันวา 2557
โดย กรัณย์ สุทธารมณ์

ณ เดือนสิงหาคม......นั่งคลิกๆ
หาข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางจักรยานทางเฟสไปเรื่อยๆ ....วันหนึ่งก้อมาพบเว๊ปไซด์ ซึ่งลงโปรแกรมการปั่นจักรยานของทั้งปี...สะดุดตาที่ กิจกรรม “ปั่นไปบอกรักพ่อ
5 ธันวา” จัดโดยบริษัท เวิลด์ไบค์ จำกัดและ Thaimtb.com ค่าสมัคร 999 บาท (ได้เสื้อปั่นจักรยานสีเหลืองด้วย)....รู้สึก เฮ้ย..
น่าสนใจมากเลย เป็นการที่ได้แสดงออกซึ่งความจงรักภักดี
และได้ปั่นในเส้นทางของบ้านเรา(เพชรบุรี)ด้วย (เส้นเรียบชายฝั่งทะเล บางตะบูน
บ้านแหลม หาดเจ้าสำราญ ปึกเตียน และชะอำ).....แต่ก้อแอบคิดต่อไปว่า
จักรยานยังไม่มีเลย (ตอนนั้น) แล้ว 100 กว่าโลเนี่ย มันน้องๆ เพชรบุรี –
กรุงเทพ เลยนะ ขับรถยนต์ยังเพลียเลย ...แล้วปั่นจักรยาน เราจะไหวเหรอ..^^” ....หลังจากนั้น ประมาณสัปดาห์กว่าๆ
ด้วยความที่มีการเลือกหมายเลขประจำเสื้อด้วย (ช้าเด่วอด เลขสวย)
สมัครไปเลยแล้วกัน เรื่องนั้น ค่อยมาฟิตกัน (กะว่าจะใช้การวิ่งและปั่นถือเป็นซ้อมไปด้วยกัน)
และแล้วก้อโอนเงิน พร้อมแจ้งขอหมายเลข 141
(เลขสวยประจำรุ่นโรงเรียนสมัยมัธยม
BCC. 141) แต่ยังไม่วายเชิญชวน สท.ประภาส อินทนู มิตรสหายด้านจักรยานของผมสมัครเป็นเพื่อนด้วย

ณ วันที่ 5
ธันวาคม 57 ....เวลา ตี 4 เป๊ก เสียงโทรศัพท์ดังปลุกให้ตื่น จากน้องหยง
พี่เอ็กซ์ (SEPS1 สีเหลือง) ....รีบแต่งตัวโดยที่นัดแนะกับคนขับรถพี่เล็ก เจอกันที่ โรงแรมรอยัล ไดมอน ตี 5
...แวะซื้อขนมปังและโอวัลติน รองท้อง ระหว่างขับรถไปรวมพลที่ อบต.คลองโคน จ.สมุทรสงครามและแล้วก้อมาถึง อบต.คลองโคน ประมาณ 5.40 น. บรรยากาศค่อนข้างคึกคักแต่มืดไปนิส
จากนั้นเอาจึงไปถ่ายรูปกับซุ้มปล่อยตัว สลับกันถ่ายกับนักปั่นข้างๆ เสียงพิธีกรให้สัญญาว่าจะปล่อยตัวในเวลา 6.09 น. โดยมีพิธีการเล็กน้อย โดย สจ.สมุทรสงคราม มาถ่ายรูปหน้าซุ้ม ...เสียงสัญญาประกาศปล่อยตัว ณ เวลา
6.30 น. ผมอยู่หน้าสุด
ค่อยๆปั่นไปพร้อมกับใจที่ตื่นเต้นอยู่ลึกๆ ....สัญญาแห่ง 110 กม.
เริ่มแล้วจิงๆใช่ไหม
...เราจะถอยไม่ได้แล้วนะ (คนขับรถก้อกลับไปแล้ว)....สู้สู้บอกตัวเอง (เต็มที่ก้อเคยปั่นแค่ 50 กม.จากเพชรบุรี
ไปแก่งกระจานครั้งเดียว)
คณะนักปั่นได้มาแวะที่จุดพักที่ 1 โครงการพระราชดำริฟาร์มทะเลตัวอย่าง ที่นี้
เจ้าหน้าที่มีบริการน้ำดื่ม กล้วยไข่ และแตงโม ผมได้พาเจ้าอะระชิ (เจ้าพายุจักรยานคู่ใจ)
เข้าผิงกับเสาเต้นท์ และหาน้ำดื่ม ...เผอิญเจอน้องมาขอผิงจักรยานด้วย
(ดูท่าทางปั่นเก่งไม่เบา) เลยถามว่ามีอาการกล้ามเนื้อกระตุกนิสๆ จะเป็นไรไหม
....น้องบอกว่า ระวังเป็นตะคริวนะครับ (เลยถามต่อว่าแล้วต้องทำไงอ่ะ/ไม่ได้รู้เรื่องเล้ยเรา)
พี่ต้องมั่นจิบน้ำบ่อยๆ อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ และพี่ทานกล้วยเยอะๆนะครับ
ตุนไว้ก่อน ต้องใช้พลังงานเยอะ ...เท่านั้นหล่ะ จากที่จะไม่กินกล้วย เลยจัดไป 4 ใบ
ตามคำแนะนำ พร้อมแน๊บขวดน้ำไว้ที่หลังเสื้อเตรียมไว้
(หมุนบิดฝาพร้อมดื่มให้เรียบร้อย) เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย .....จากนั้น
ก็ได้ยินสต๊าฟผู้จัด เรียกหาโทรโข่ง
เพื่อที่จะประกาศอารายซักอย่าง.....แต่คงหาไม่เจอ เลยตะโกน “
...พี่ๆค่ะ ยังมีการปล่อยปลาอีกนะค่ะ ขอเรียนเชิญพี่ๆด้วยนะค่ะ....” หลังคำประกาศประมาณ
10 นาที ก็ไม่เห็นมีใครขยับทิศทางจักรยานไปไหน หลายคันก็ออกตัวขี่ต่อไป
สักพักจึงเหลือบไปพี่สต๊าฟ(เสื้อขาว)
ปั่นจักรยานมาพร้อมแจ้งว่าไปปล่อยปลาทางนี้นะครับ ....ไม่ทันไร ผมจึงคว้าจักรยานและรีบปั่นตามไป ก็คือปั่นเข้าไปในโครงการฟาร์มทะเล ประมาณ 600
เมตรนั่นเอง ก็เจอพี่สต๊าฟ และเจ้าหน้าที่โครงการฯกว่า 20
คนที่ตั้งท่ารอคอยทีมจักรยานเพื่อมาปล่อยปลาด้วยกัน...มองซ้ายมองขวา
ก็ไม่เห็นใครตามมา พี่สต๊าฟเลยขอโทษพี่ๆเจ้าหน้าที่โครงการฯที่ผิดพลาดในการสื่อสาร
(เหลือนักปั่นมาปล่อยเพียง 2 คน นับจิงๆก้อมีผมคนเดียวเบยนะเนี่ยะ....ก้อพี่ไม่เคยชี้แจงให้นักปั่นทราบล่วงหน้านี่น่า)
จากนั้นผมกับพี่สต๊าฟและเจ้าหน้าที่จึงรุดหน้าหิ้วถุงพันธ์ปลา (ผมหิ้วสองถุง)
ไปริมทะเล แล้วได้ ปล่อยพันธุ์ปลา ไปทั้งสองถุง (ชื่นใจ ได้เริ่มทำดีวันพ่อหล่ะ)
...เสร็จแล้วจึงรีบกลับมาเอาจักรยานปั่นออกจากโครงการ “...ที่จุดพักเหลือนักปั่นเพียงสี่ห้าคนเท่านั้น”
ตกจายเลย!! (คราวนี้หล่ะเป็นที่โหล่ของจริง)
ปั่นไปเรื่อยๆ จาก 50 กิโล... 60 กิโล ทุกสิบกิโลก็ต้องจะดื่มน้ำทีหนึ่ง
(ค่อยๆกลืนทีละนิดๆ) แต่ด้วยเส้นทางที่คุ้นเคย (ขับรถนะไม่ใช้ปั่น)
จึงไม่กังวลอะไร แม้ไม่มีใครปั่นข้างๆด้วยเลย
ปั่นไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดพักที่ 2
ค่ายศรียานนท์ (73 กม.) เริ่มเหนื่อยๆชอบกล จุดนี้จัดไปกล้วยไข่ 4 ใบ
น้ำเกลือแร่ 1 ขวด (ของหมด เลยวานน้องนร.เจ้าหน้าที่ไปซื้อมา 2 ขวด เผื่อคนอื่นๆ
อีกขวด) เพิ่มแตงโมอีก 2 ชิ้น เพิ่มความสดชื่น (ที่ขาดไม่ได้ คือต้องเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย)
จากนั้นเริ่มปั่นอีกครั้ง ....คราวนี้ตั้งเป้าคือผ่านเมืองชะอำ ระหว่างทางได้เห็นชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านออกมาตัดหญ้า
ฟันต้นไม้ที่ขึ้นรก เก็บขยะ เกือบตลอดทาง (อดคิดไม่ได้ว่าจะมีสักกี่คนในโลก ที่มีคนมากมายมุ่งทำสิ่งดีๆเพื่อถวายท่าน)
ปั่นไปเรื่อยๆ ขาก้อเริ่มหนักขึ้น คราวนี้จึงพยายามนึกถึงเหมือนเมื่อตอนวิ่งฮาลฟ์มาราธอน 21 Km.
คือ
คิดและมองเฉพาะระยะหน้าเราแค่ 10 เมตร วิ่งให้มันผ่านเส้นข้างหน้าเราก้อพอแล้ว
...และคราวนี้ ก้อคือปั่นให้มันผ่านจุดข้างหน้าเราก้อพอแล้วเช่นกัน คือ
ตั้งเป้าสั้นๆ แล้วให้มันบรรลุไปเรื่อยๆ เราจะไม่เหนื่อยกับมัน
....วิธีนี้ยังคงใช้ได้ผลกับผม....(สามารถหลอกล่อจิตใจผมได้หลายกิโลทีเดียว)
มองไปไกลๆ ไม่มีใครเลยซักคน ปั่นมาถึงรพ.ชะอำ ต้องคอยมองป้ายบอกทางสังเกตเอาเอง
(ป้ายก้อไม่ได้เขียนชื่อโครงการซะอีก มีเพียงป้ายพื้นเหลือง และลายเส้นสีดำให้พอเดา)
ผ่านสี่แยกชะอำ ปั่นเรื่อยมาจนมาถึง จุดพักที่ 3 โครงการ The
Energy (90 กม.) ณ ที่นี้ ค่อยอุ่นใจหน่อยมีนักปั่นนั่งพักและถ่ายรูปเล่นกันตรึมเบย
ที่โครงการมีการตกแต่งด้วยเรื่องราวโครงการพระราชดำริของในหลวง ดูดีทีเดียว ผมเองก้อได้สลับถ่ายภาพกับเพื่อนนักปั่นที่จอดรถใกล้กันอีกครั้ง
นอกจากนี้จุดนี้เป็นจุดบริการอาหารและเครื่องดื่มนักปั่น
โดยไปลงทะเบียนแล้วจะได้รับเสื้อเหลืองของโครงการและรับคูปอง 4 ใบ (อาหาร น้ำ
ขนมและผลไม้) ไปแลกที่ชั้น 2 บรรยากาศดีมาก
รับอาหารแล้วไปรับประทานในห้องโถงส่วนกลางที่ตกแต่งได้สวยงาม พร้อมแอร์เย็นๆ
(ทำให้สนใจโครงการ The Energy ขึ้นมาทีเดียว ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ดีอย่างหนึ่ง)
พักเหนื่อยสักครู่ ก้อรับทราบว่าเค้ามีตั้งแถวเพื่อทยอยปั่นเข้าไปบอกรักพ่อ
(ลงนามถวายพระพร) ....ไม่รอช้า เพราะเวลาก้อเที่ยงแล้ว
(หันซ้ายหันขวายังมีนักปั่นนั่งทานนั่งเล่นอยู่เยอะเลย) ....ไม่เอาหล่ะ
ลุยต่อดีกว่า ....และแล้ว ก้อเป็นคันเดียวโดดๆที่เคลื่อนตัวออกไปสู่โลกกว้างอีกครั้ง (รู้สึกอย่างนั้นจิงๆ) .....คราวนี้ สภาพขาและก้นมาเต็ม 90 กม.ที่สะสมมาได้แสดงออก ณ เวลานี้ “.....เจ็บก้นมากกก…..” พยายามเปลี่ยนจุดรับก้นกับเบาะไปทั่วๆ ก้อยังเจ็บ....แต่ละเมตรๆ ผ่านไปด้วยความยากเย็น
ตาก็จดจ้องแต่ที่ไมล์วัดความเร็วจักรยานที่ขยับจากหน่วยย่อย จากซม. มาเป็นเมตร และเป็นแต่ละกม.
รอวันจะผ่าน 100 กม.แรกในชีวิต... ไม่เพียงเท่านั้น อาการขาก็เริ่มมาเยือน
ขาเริ่มหนักขึ้นๆ จนต้องพยายามให้กลไกของขาหมุนเหวี่ยงไปอัตโนมัติ ทำใจให้ว่าง
(เหมือนนั่งสมาธิ) จะได้ไม่คิดและจดจ่อกับขามากไป ....มาผ่าน 100 กิโล
ที่อุโมงค์ทางลอดสนามบิน....(เย้ เย้) ในอุโมงค์เค้าจัดให้ปั่นบนขอบฟุตบาธ ทำให้ปั่นลื่นเบาแรงไปได้เยอะ(ประมาณ
800 เมตร) ....แต่พอออกมา 10 กิโลสุดท้าย ปีศาจแห่งกิโลที่ 100 เริ่มทำงานอีกครั้ง
....โชคดีที่มีนักปั่นที่ปั่น(ไม่ค่อยเร็ว)อยู่ข้างหน้าเป็นกำลังใจ
เห็นเค้าปั่นได้ เราก้อต้องไปได้....จึงค่อยๆตามกันไป....ผ่านไจแอนท์ผับ ...ผ่านไฮ 4 ... ผ่านเพลินวาน
(ในใจบอกอีกนิสเดียวววว)

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ดร.กรัณย์ สุทธารมณ์ และครอบครัว
ดร.กรัณย์ สุทธารมณ์ และครอบครัว