วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บันทึกแห่งความทรงจำ....ปั่นไปบอกรักพ่อ 110 กม. (สมุทรสงคราม – เพชรบุรี – หัวหิน) #5 ธันวา 2557

บันทึกแห่งความทรงจำ....ปั่นไปบอกรักพ่อ 110 กม. (สมุทรสงคราม – เพชรบุรี – หัวหิน)
#5 ธันวา 2557
 โดย กรัณย์ สุทธารมณ์


ณ เดือนสิงหาคม......นั่งคลิกๆ หาข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางจักรยานทางเฟสไปเรื่อยๆ ....วันหนึ่งก้อมาพบเว๊ปไซด์ ซึ่งลงโปรแกรมการปั่นจักรยานของทั้งปี...สะดุดตาที่ กิจกรรม ปั่นไปบอกรักพ่อ 5 ธันวา จัดโดยบริษัท เวิลด์ไบค์ จำกัดและ Thaimtb.com ค่าสมัคร 999 บาท (ได้เสื้อปั่นจักรยานสีเหลืองด้วย)....รู้สึก เฮ้ย.. น่าสนใจมากเลย เป็นการที่ได้แสดงออกซึ่งความจงรักภักดี และได้ปั่นในเส้นทางของบ้านเรา(เพชรบุรี)ด้วย (เส้นเรียบชายฝั่งทะเล บางตะบูน บ้านแหลม หาดเจ้าสำราญ ปึกเตียน และชะอำ).....แต่ก้อแอบคิดต่อไปว่า จักรยานยังไม่มีเลย (ตอนนั้น) แล้ว 100 กว่าโลเนี่ย มันน้องๆ เพชรบุรี – กรุงเทพ เลยนะ ขับรถยนต์ยังเพลียเลย ...แล้วปั่นจักรยาน เราจะไหวเหรอ..^^”  ....หลังจากนั้น ประมาณสัปดาห์กว่าๆ ด้วยความที่มีการเลือกหมายเลขประจำเสื้อด้วย (ช้าเด่วอด เลขสวย) สมัครไปเลยแล้วกัน เรื่องนั้น ค่อยมาฟิตกัน (กะว่าจะใช้การวิ่งและปั่นถือเป็นซ้อมไปด้วยกัน) และแล้วก้อโอนเงิน พร้อมแจ้งขอหมายเลข 141  (เลขสวยประจำรุ่นโรงเรียนสมัยมัธยม  BCC. 141) แต่ยังไม่วายเชิญชวน สท.ประภาส อินทนู มิตรสหายด้านจักรยานของผมสมัครเป็นเพื่อนด้วย


ณ วันที่ 4 ธันวาคม 57 .....วันนี้เป็นวันปิดคอรส์ หลักสูตร สุดยอดผู้ประกอบการยุคใหม่เพื่อสังคม สำหรับผู้บริหาร รุ่นที่ 1 (SEPS1) ผมได้รับคำสั่งให้นำเสนอโครงการ CSR  ของกลุ่มสีเหลือง โดยเราเลือกโครงการพระราชดำริชั่งหัวมัน ซึ่งก็เกี่ยวพันกับจักรยานของที่ศูนย์นี้ด้วย.....(เรียกว่า ออกจากเพชรบุรี 12.00 น. มาถึง 14.00 น. มาถึงขึ้นนำเสนอเลย เกือบไม่ทัน) ...จากนั้นก้อเข้าพิธีรับประกาศนียบัตร จาก ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่สำคัญคือ เมื่อรับประกาศฯ เสร็จ งานเลี้ยงย่อมมีวันเริ่มล่ะ ....สัญญาณของการไป FALABELA เริ่มก่อตัวขึ้น....แต่เราต้องไปปั่นตอนตี 5 ทานข้าวกับเพื่อนๆได้เพียงสองทุ่มก้อต้องตัดใจมูฟกลับเพชรบุรี ....ถึงเพชรบุรี เกือบ 5 ทุ่ม เพราะรถติดมาก (หยุด3 วัน คนออกต่างจังหวัดเยอะมาก) รีบจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น .....กว่าจะนอนได้เกือบตีหนึ่ง เพื่อความชัวร์จึงโพสใน LINE SEPS1 สีเหลือง ใครตื่นช่วยปลุกผมตอนตีสี่ ที จะขอบพระคุณมาก






ณ วันที่ 5 ธันวาคม 57 ....เวลา ตี 4 เป๊ก เสียงโทรศัพท์ดังปลุกให้ตื่น จากน้องหยง พี่เอ็กซ์ (SEPS1 สีเหลือง) ....รีบแต่งตัวโดยที่นัดแนะกับคนขับรถพี่เล็ก เจอกันที่ โรงแรมรอยัล ไดมอน ตี 5 ...แวะซื้อขนมปังและโอวัลติน รองท้อง ระหว่างขับรถไปรวมพลที่ อบต.คลองโคน จ.สมุทรสงครามและแล้วก้อมาถึง อบต.คลองโคน ประมาณ 5.40 น. บรรยากาศค่อนข้างคึกคักแต่มืดไปนิส จากนั้นเอาจึงไปถ่ายรูปกับซุ้มปล่อยตัว สลับกันถ่ายกับนักปั่นข้างๆ เสียงพิธีกรให้สัญญาว่าจะปล่อยตัวในเวลา 6.09 น. โดยมีพิธีการเล็กน้อย โดย สจ.สมุทรสงคราม มาถ่ายรูปหน้าซุ้ม ...เสียงสัญญาประกาศปล่อยตัว ณ เวลา 6.30 น. ผมอยู่หน้าสุด ค่อยๆปั่นไปพร้อมกับใจที่ตื่นเต้นอยู่ลึกๆ ....สัญญาแห่ง 110 กม. เริ่มแล้วจิงๆใช่ไหม ...เราจะถอยไม่ได้แล้วนะ (คนขับรถก้อกลับไปแล้ว)....สู้สู้บอกตัวเอง (เต็มที่ก้อเคยปั่นแค่ 50 กม.จากเพชรบุรี ไปแก่งกระจานครั้งเดียว)

ขบวน คณะปั่นไปบอกรักพ่อ เริ่มเคลื่อนอย่างรวดเร็ว แม้ว่าช่วงแรกจะพยายามเร่งฝีเท้า แต่คงรักษาระดับพลังของร่างกายไว้ ที่ 30 Km/ชม.  แต่พอหลุด 10 Km. แรก  นักปั่นส่วนใหญ่ก้อค่อยๆแซงเราไปเรื่อยๆ (เด็กยังแซง TT)  เราจึงค่อนมาทางกลุ่มกลางล่างๆ ปั่นมาได้ 40 กิโลเมตรแรก ในใจคิดว่า ยังดีได้ 1 ใน 3 ของระยะทางแล้ว (แต่ระหว่างทางก่อนถึง มีอาการกล้ามเนื้อกระตุกที่หลังน่องขวา จึงทำให้กังวลๆอยู่เหมือนกัน)  


คณะนักปั่นได้มาแวะที่จุดพักที่ 1 โครงการพระราชดำริฟาร์มทะเลตัวอย่าง ที่นี้ เจ้าหน้าที่มีบริการน้ำดื่ม กล้วยไข่ และแตงโม ผมได้พาเจ้าอะระชิ (เจ้าพายุจักรยานคู่ใจ) เข้าผิงกับเสาเต้นท์ และหาน้ำดื่ม ...เผอิญเจอน้องมาขอผิงจักรยานด้วย (ดูท่าทางปั่นเก่งไม่เบา) เลยถามว่ามีอาการกล้ามเนื้อกระตุกนิสๆ จะเป็นไรไหม ....น้องบอกว่า ระวังเป็นตะคริวนะครับ (เลยถามต่อว่าแล้วต้องทำไงอ่ะ/ไม่ได้รู้เรื่องเล้ยเรา) พี่ต้องมั่นจิบน้ำบ่อยๆ อย่าให้ร่างกายขาดน้ำ และพี่ทานกล้วยเยอะๆนะครับ ตุนไว้ก่อน ต้องใช้พลังงานเยอะ ...เท่านั้นหล่ะ จากที่จะไม่กินกล้วย เลยจัดไป 4 ใบ ตามคำแนะนำ พร้อมแน๊บขวดน้ำไว้ที่หลังเสื้อเตรียมไว้ (หมุนบิดฝาพร้อมดื่มให้เรียบร้อย) เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย .....จากนั้น ก็ได้ยินสต๊าฟผู้จัด เรียกหาโทรโข่ง เพื่อที่จะประกาศอารายซักอย่าง.....แต่คงหาไม่เจอ เลยตะโกน ...พี่ๆค่ะ ยังมีการปล่อยปลาอีกนะค่ะ ขอเรียนเชิญพี่ๆด้วยนะค่ะ....หลังคำประกาศประมาณ 10 นาที ก็ไม่เห็นมีใครขยับทิศทางจักรยานไปไหน หลายคันก็ออกตัวขี่ต่อไป สักพักจึงเหลือบไปพี่สต๊าฟ(เสื้อขาว) ปั่นจักรยานมาพร้อมแจ้งว่าไปปล่อยปลาทางนี้นะครับ ....ไม่ทันไร ผมจึงคว้าจักรยานและรีบปั่นตามไป ก็คือปั่นเข้าไปในโครงการฟาร์มทะเล ประมาณ 600 เมตรนั่นเอง ก็เจอพี่สต๊าฟ และเจ้าหน้าที่โครงการฯกว่า 20 คนที่ตั้งท่ารอคอยทีมจักรยานเพื่อมาปล่อยปลาด้วยกัน...มองซ้ายมองขวา ก็ไม่เห็นใครตามมา พี่สต๊าฟเลยขอโทษพี่ๆเจ้าหน้าที่โครงการฯที่ผิดพลาดในการสื่อสาร (เหลือนักปั่นมาปล่อยเพียง 2 คน นับจิงๆก้อมีผมคนเดียวเบยนะเนี่ยะ....ก้อพี่ไม่เคยชี้แจงให้นักปั่นทราบล่วงหน้านี่น่า) จากนั้นผมกับพี่สต๊าฟและเจ้าหน้าที่จึงรุดหน้าหิ้วถุงพันธ์ปลา (ผมหิ้วสองถุง) ไปริมทะเล แล้วได้ ปล่อยพันธุ์ปลา ไปทั้งสองถุง (ชื่นใจ ได้เริ่มทำดีวันพ่อหล่ะ) ...เสร็จแล้วจึงรีบกลับมาเอาจักรยานปั่นออกจากโครงการ ...ที่จุดพักเหลือนักปั่นเพียงสี่ห้าคนเท่านั้นตกจายเลย!! (คราวนี้หล่ะเป็นที่โหล่ของจริง)  ปั่นไปเรื่อยๆ จาก 50 กิโล... 60 กิโล ทุกสิบกิโลก็ต้องจะดื่มน้ำทีหนึ่ง (ค่อยๆกลืนทีละนิดๆ) แต่ด้วยเส้นทางที่คุ้นเคย (ขับรถนะไม่ใช้ปั่น) จึงไม่กังวลอะไร แม้ไม่มีใครปั่นข้างๆด้วยเลย 



ปั่นไปเรื่อยๆ จนมาถึงจุดพักที่ 2 ค่ายศรียานนท์ (73 กม.) เริ่มเหนื่อยๆชอบกล จุดนี้จัดไปกล้วยไข่ 4 ใบ น้ำเกลือแร่ 1 ขวด (ของหมด เลยวานน้องนร.เจ้าหน้าที่ไปซื้อมา 2 ขวด เผื่อคนอื่นๆ อีกขวด) เพิ่มแตงโมอีก 2 ชิ้น เพิ่มความสดชื่น (ที่ขาดไม่ได้ คือต้องเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย) จากนั้นเริ่มปั่นอีกครั้ง ....คราวนี้ตั้งเป้าคือผ่านเมืองชะอำ ระหว่างทางได้เห็นชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านออกมาตัดหญ้า ฟันต้นไม้ที่ขึ้นรก เก็บขยะ เกือบตลอดทาง (อดคิดไม่ได้ว่าจะมีสักกี่คนในโลก ที่มีคนมากมายมุ่งทำสิ่งดีๆเพื่อถวายท่าน) ปั่นไปเรื่อยๆ ขาก้อเริ่มหนักขึ้น  คราวนี้จึงพยายามนึกถึงเหมือนเมื่อตอนวิ่งฮาลฟ์มาราธอน 21 Km. คือ คิดและมองเฉพาะระยะหน้าเราแค่ 10 เมตร วิ่งให้มันผ่านเส้นข้างหน้าเราก้อพอแล้ว ...และคราวนี้ ก้อคือปั่นให้มันผ่านจุดข้างหน้าเราก้อพอแล้วเช่นกัน คือ ตั้งเป้าสั้นๆ แล้วให้มันบรรลุไปเรื่อยๆ เราจะไม่เหนื่อยกับมัน ....วิธีนี้ยังคงใช้ได้ผลกับผม....(สามารถหลอกล่อจิตใจผมได้หลายกิโลทีเดียว) มองไปไกลๆ ไม่มีใครเลยซักคน ปั่นมาถึงรพ.ชะอำ ต้องคอยมองป้ายบอกทางสังเกตเอาเอง (ป้ายก้อไม่ได้เขียนชื่อโครงการซะอีก มีเพียงป้ายพื้นเหลือง และลายเส้นสีดำให้พอเดา) 



ผ่านสี่แยกชะอำ ปั่นเรื่อยมาจนมาถึง จุดพักที่ 3 โครงการ The Energy (90 กม.) ณ ที่นี้ ค่อยอุ่นใจหน่อยมีนักปั่นนั่งพักและถ่ายรูปเล่นกันตรึมเบย ที่โครงการมีการตกแต่งด้วยเรื่องราวโครงการพระราชดำริของในหลวง ดูดีทีเดียว ผมเองก้อได้สลับถ่ายภาพกับเพื่อนนักปั่นที่จอดรถใกล้กันอีกครั้ง นอกจากนี้จุดนี้เป็นจุดบริการอาหารและเครื่องดื่มนักปั่น โดยไปลงทะเบียนแล้วจะได้รับเสื้อเหลืองของโครงการและรับคูปอง 4 ใบ (อาหาร น้ำ ขนมและผลไม้) ไปแลกที่ชั้น 2 บรรยากาศดีมาก รับอาหารแล้วไปรับประทานในห้องโถงส่วนกลางที่ตกแต่งได้สวยงาม พร้อมแอร์เย็นๆ (ทำให้สนใจโครงการ The Energy ขึ้นมาทีเดียว ถือเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ดีอย่างหนึ่ง) พักเหนื่อยสักครู่ ก้อรับทราบว่าเค้ามีตั้งแถวเพื่อทยอยปั่นเข้าไปบอกรักพ่อ (ลงนามถวายพระพร) ....ไม่รอช้า เพราะเวลาก้อเที่ยงแล้ว (หันซ้ายหันขวายังมีนักปั่นนั่งทานนั่งเล่นอยู่เยอะเลย) ....ไม่เอาหล่ะ ลุยต่อดีกว่า ....และแล้ว ก้อเป็นคันเดียวโดดๆที่เคลื่อนตัวออกไปสู่โลกกว้างอีกครั้ง (รู้สึกอย่างนั้นจิงๆ) .....คราวนี้ สภาพขาและก้นมาเต็ม 90 กม.ที่สะสมมาได้แสดงออก ณ เวลานี้ .....เจ็บก้นมากกก…..” พยายามเปลี่ยนจุดรับก้นกับเบาะไปทั่วๆ ก้อยังเจ็บ....แต่ละเมตรๆ ผ่านไปด้วยความยากเย็น ตาก็จดจ้องแต่ที่ไมล์วัดความเร็วจักรยานที่ขยับจากหน่วยย่อย จากซม. มาเป็นเมตร และเป็นแต่ละกม. รอวันจะผ่าน 100 กม.แรกในชีวิต... ไม่เพียงเท่านั้น อาการขาก็เริ่มมาเยือน ขาเริ่มหนักขึ้นๆ จนต้องพยายามให้กลไกของขาหมุนเหวี่ยงไปอัตโนมัติ ทำใจให้ว่าง (เหมือนนั่งสมาธิ) จะได้ไม่คิดและจดจ่อกับขามากไป ....มาผ่าน 100 กิโล ที่อุโมงค์ทางลอดสนามบิน....(เย้ เย้) ในอุโมงค์เค้าจัดให้ปั่นบนขอบฟุตบาธ ทำให้ปั่นลื่นเบาแรงไปได้เยอะ(ประมาณ 800 เมตร) ....แต่พอออกมา 10 กิโลสุดท้าย ปีศาจแห่งกิโลที่ 100 เริ่มทำงานอีกครั้ง ....โชคดีที่มีนักปั่นที่ปั่น(ไม่ค่อยเร็ว)อยู่ข้างหน้าเป็นกำลังใจ เห็นเค้าปั่นได้ เราก้อต้องไปได้....จึงค่อยๆตามกันไป....ผ่านไจแอนท์ผับ  ...ผ่านไฮ 4 ... ผ่านเพลินวาน (ในใจบอกอีกนิสเดียวววว) 



....หล่ะแล้ว เวลาประมาณ 12.45 น. ภารกิจปั่นมาบอกรักพ่อก้อมาถึง สำนักงานพระราชวังไกลกังวล... รีบนำจักรยานไปจอดใต้ตึก แล้วขึ้นไปเพื่อลงนามถวายพระพร ....(รู้สึกตัวเองทันทีว่าสกปรกมากกก) ยิ่งขึ้นไปเจอคณะราชการชุดขาวเพียบเบย  เหลือบไปเห็น พี่อัยการดำริ และพี่กิตติ ปชส.ประจวบฯ ...อ้อ จากจังหวัดประจวบฯแน่เบย (เลยถ่ายรูปกันแชะหนึ่ง) จึงขอตัวไปลงนามถวายพระพรอย่างเป็นทางการ ....ขอพระองค์ทรงพระเจริญ พระพลามัยแข็งแรง เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงชนชาวไทยตลอดไป(คิดในใจเพราะสมุดลงนามมีให้แค่ลงชื่อเท่านั้น) จากนั้นจึงลงนาม ดร.กรัณย์ สุทธารมณ์ และครอบครัวสุทธารมณ์ ...ก่อนจะลงจากอาคาร คิดถึงท่านผู้ว่าประจวบฯ ซึ่งเคยเป็นรองผู้ว่าที่เพชรบุรี และเคยร่วมทำงานสนทนากันบ้างที่เพชรบุรี ....จึงแอบถามพี่ๆว่าท่านผู้ว่ากลับยัง...พี่ๆบอกว่ายังและยังพาไปพบกับ ท่านผู้ว่าวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ท่านผู้ว่ายังแอบกระซิบว่า เด่วเปิดด่านสิงขร อยากให้มาปั่นอีกครั้งจะได้ไหม...ได้ครับๆ ผมตอบ) จากนั้นก้อแชะภาพเป็นที่ระลึกอีกครั้ง...ขณะขอลาจากท่าน ก้อมีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง ...พี่ๆ ขอสัมภาษณ์หน่อยซิค่ะ ว่าคิดอย่างไรทำไมถึงปั่นจักรยานมาถวายพระพรถึงที่นี้ค่ะ....จำใจความที่ตัวเองตอบได้ว่า ...อยากแสดงให้พระองค์รับทราบถึงความรักของประชาชนที่มีต่อพระองค์ท่าน เป็นความรักที่ต้องแสดงออก ไม่ใช่เพียงแต่พูดอย่างเดียว.... (ทราบภายหลังว่านักข่าวชื่อน้องกอล์ฟมาจากช่อง ๓) กลับมาดูเวลา 13.10 น. จึงขออนุญาตลาพี่ๆอีกครั้ง โดยต้องรีบไปขึ้นรถไฟกลับเพชรบุรีก่อน ...ปั่นไปสถานีรถไฟหัวหินคราวนี้ ไม่เหนื่อยเลย ....ดีใจ ดีใจอย่างยิ่ง ที่ได้มีครั้งหนึ่ง ที่เราว่ารู้ตัวเองว่าทำอะไร ทำไปทำไม เพื่ออะไร ได้ทำในสิ่งที่ตนเองคิดว่าทำไม่ได้ในอดีต....แต่ยังอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีเป้าหมายเช่นวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ การปั่น 100 กว่ากิโล ของคนที่ไม่เคยปั่นและไม่ใช่ขาปั่นตัวจริงจะทำได้หรือป่าว?....รึเนี่ยะเองที่เรียกว่า "พลังใจ สำคัญกว่าพลังกาย"

ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ดร.กรัณย์ สุทธารมณ์ และครอบครัว















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น