วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

“ขอบลานอาร์ท มาร์เช่ รอบ 6 เฉลิมพระเกียรติฯ”

เชิญเที่ยวงาน “ขอบลานอาร์ท มาร์เช่ รอบ 6 เฉลิมพระเกียรติฯ










กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี  ร่วมกับจังหวัดเพชรบุรี องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี มหาวิทยาลัยราชภัฎเพชรบุรี องค์การบริหารส่วนตำบลไร่ส้ม ชมรมกลุ่มศิลปินในจังหวัดเพชรบุรี เครือข่ายธุรกิจ Biz Club จังหวัดเพชรบุรี ชมรมธุรกิจท่องเที่ยวแก่งกระจาน-ลุ่มน้ำเพชรบุรี โรงแรมรอยัล ไดมอน เพชรบุรี และหน่วยงานพันธมิตร ร่วมกำหนดการจัดงานขอบลาน อาร์ทมาร์เช่ รอบ 6 ระหว่างวันที่ 14-16 เมษายน 2558 ณ บริเวณลานหน้าโรงแรมรอยัล ไดมอน จังหวัดเพชรบุรี


            เพื่อนำเสนอความหลากหลายของจังหวัดเพชรบุรี ผ่านรูปแบบของตลาดเมืองเพชร ตลาดนัดเชิงศิลปะ  กิจกรรมของศิลปินสกุลช่างเมืองเพชร อาหารและของสะสมในท้องถิ่น ผสมผสานกับวิถีชีวิตท้องถิ่นเมืองเพชร สะท้อนให้เห็นเอกลักษณ์วิถีท้องถิ่นชาวเพชรบุรี รวมถึงเป็นการอนุรักษ์ศิลปะเมืองเพชร เอกลักษณ์ด้านศิลปะ วัฒนธรรม วิถีชีวิตของจังหวัดเพชรบุรี ในปีนี้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กลุ่มศิลปินขอบลานฯ ขอนำเสนองานในชื่อ “ขอบลาน เฉลิมพระเกียรติฯ

            กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย คือ ลานเมืองเพชร ได้แก่ ลานนักเลงพระเมืองเพชร  ลานนักเลงโต ลานนักเลงรถ ลานตลาดเมืองเพชร ร่วมกับถนนศิลปะอาร์ทมาร์เช่  ถนนศิลปทำมือของกลุ่มศิลปินต่างๆ ของเมืองเพชร สปาและบาร์ดิน ทั้งนวดและดื่มในบ้านดิน พบกับการรวมตัวของนักเลงพระเมืองเพชรครั้งใหญ่ของเมืองเพชร และเยี่ยมชมบ้านพอเพียง ตอน บ้านเด็กเลี้ยงแพะ สนุกกับกิจกรรมการให้อาหารน้องแพะ ถ่ายรูปกับน้อยแพะ กิจกรรมการแข่งจับแพะ รวมถึงการประกวดแพะแฟนซี ซึ่งนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป สามารถเข้าชม และร่วมกันกับกิจกรรม “ระบายสีประติมากรรมแพะ 60 ชิ้นงานบนถนนศิลปะ เฉลิมพระเกียรติฯ” เรียนรู้วิถีชีวิตชาวเพชรผ่านงาน “ขอบลานอาร์ทมาเช่รอบ 6 ในครั้งนี้ ตลอดจนร่วมเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้


            สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/KhobLarnArtM arche  หรือ  สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเพชรบุรี โทร 0 3247 1005-6 และ Call Center 1672 โรงแรมรอยัล ไดมอน เพชรบุรี 032-411061-70





วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2558

นครวัด นครธม @กัมพูชา...ทำไมต้องไป ?

นครวัด นครธม @กัมพูชา...ทำไมต้องไป?                                                                                                                      โดย กร เมืองเพชร (21032015)



·     1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ?
·     มรดกโลกแห่งแรกของอินโดจีน ?
·     สัมผัสความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรเขมรในอดีต ?
·     ความน่าทึ่งในการจัดการก้อนหินทรายขนาดใหญ่ การเคลื่อน         
 การตัด การจัดวาง ?
·     ภาพแกะสลักหินทราย ศิลปะนูนต่ำที่มีความสวยงามจำนวนมาก ?
·     เตรียมตัวเข้าสู่ AEC หรือ อีกหลายสิ่ง....??


ด้วยอานิสงค์จากโครงการ Shirt & Share ปันน้ำใจแด่น้อง ของ KsmeSixSense G3  (ซื้อเสื้อ 1 ตัว 500 บาท รายได้จะนำไปปันน้ำใจแด่น้องๆนักเรียนเป็นเสื้อ 3 ตัว #เสื้อนักเรียน #เสื้อกีฬา #เสื้อลำลอง) ซึ่งได้มอบเสื้อแก่น้องๆ ไปแล้วในจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดเพชรบุรี และคราวนี้พวกเราจึงมีเป้าหมายเพื่อดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมต่อ อีกครั้งหนึ่ง คือ จังหวัดสระแก้ว ....จุดมุ่งหมายใหม่ ที่น่าสนใจร่วมกับ....เขตการค้าชายแดน ไทย - กัมพูชา ...และ “นครวัด”


เส้นทางการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปสู่จังหวัดสระแก้ว ประมาณ 3.5 ชม. จากจังหวัดสระแก้ว พวกเราแวะจุดหมายสำคัญของโครงการ Shirt & Share นั่นคือ “โรงเรียนบ้านคลองอุดม อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว” เพื่อมอบอุปกรณ์การเรียน กระเป๋านร. เครื่องกรองน้ำ และขนมต่างๆ ร่วมกับพี่คิง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว  




ก่อนเข้าพักที่โรงแรม อรัญเมอร์เมด (Aran Mermaid Hotel) เพื่อตื่นเช้าเดินทางสู่ ด่านข้ามแดนไทย-กัมพูชา (ปอยเปต) จากด่านปอยเปต นั่งรถไปอีก 2 ชม. ก็จะถึง เสียมราบ  (แปลว่า เมืองสยามที่ถูกปราบเรียบ ซึ่งพื้นที่นี้ ทัพสยามเคยปราชัยพ่ายแพ้สงครามให้แก่ทัพเขมรมาก่อน ระยะหลังคนไทยมักเรียก เสียมราช แทน)  เส้นทางถนนลาดยางสะดวกสบาย ผ่านศรีโสภณ พระตะบอง จากนั้น ถนนเริ่มขยายกว้าง เริ่มเห็นโรงแรมขนาดใหญ่ เรียงราย ติดๆกันมากมาย อีกทั้งกองกำลังทหาร สองข้างถนน...


เลข ๑ ​๒ ​๓ ๔ ๕.... คุณรู้ไหม ว่ามาจากประเทศอาราย ?
อังกอร์ ก้อ แปลว่า เมือง นครวัด คือ อังกอร์วัด  นครธม คือ อังกอร์ธม
... ล้วนเป็นน้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำ แฝงไปด้วยความเข้มแข็ง  และชาตินิยมของไกด์ของเราในทริปนี้...”ไกด์เพชร”


กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้ซึ่งปกครองอาณาจักรเขมรโบราณมาได้อย่างปึกแผ่นยาวนาน พระองค์เปลี่ยนมานับถือพระวิษณุ (พระนารายณ์) และโปรดให้สร้างเทวาลัยขนาดมหึมา ทั้งใหญ่ และงดงามที่สุด เพื่อถวายแด่องค์วิษณุเทพ จนมาเป็น “ปราสาทนครวัด” ศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จัก จนมาถึง พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ได้ยกฟื้นฟู มีการสร้างปราสาทหินทั้งเล็กและใหญ่ขึ้นมาจำนวนมาก ...ไกด์เพชร เล่าให้ฟังอย่างออกรส





(ภาพสลักนางอัปสรามีพบเห็นได้โดยรอบผนังของนครวัด)




(บริเวณโดยรอบ ของปราสาท ภาพสลักหินทราย ยอดปราสาท)




“ปราสาทบายอน”  ศาสนาสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนาแบบมหายาน มีลักษณะเด่นพิเศษคือ มีรูปพระพักตร์แห่งบายอน (สันนิฐานว่าคือพระพักตร์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7) รายล้อมรอบทั้งสี่ด้าน ซึ่งมีทั้งแบบรอยยิ้ม และสงบเยือกเย็น ภาพสลักนูนต่ำที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก ส่วนบริเวณกำแพงก็มีแกะสลักเรื่องราวต่างๆ ทั้งวิถีชีวิตของชาวเขมร และเรื่องราวการทำสงครามในอดีต มีพระพุทธรุปอยู่ตรงกลาง เข้าไปสักการะ แล้วรับรู้ถึงพลังงานบางอย่างเลยทีเดียว


“ปราสาทตาพรม” เป็นปราสาทที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 สร้างถวายพระราชมารดา และเป็นปราสาทที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต้องมาชมอย่างมาก เพราะเคยเป็นฉากสำคัญฉากหนึ่งในภาพยนต์แนวผจญภัยเรื่อง Tomb Raider นั่นเอง นอกจากนี้จุดเด่นของปราสาทนี้ คือการที่ปราสาทถูกปกคลุมด้วยหมู่รากไม้ขนาดมหึมา 
และที่แห่งนี้นั่นเอง ทำให้คณะของพวกเราได้มีโอกาส พบกันสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐ มิเชล โอบามาก็มา ณ นครวัดในวันเดียวกับที่เราไปด้วย (เพื่อนเจอนะ แต่ผมไม่เจออ่ะ TT ที่มาภาพ: จาก The Phnom Penh Post)




(First lady of the Untied States Michelle Obama visit the 12th century temples of Angkor Wat 
in Cambodia’s Siem Reap provice on Saturday. Photo by Ethan Harfenist)




ต้องขอขอบคุณศิลาจารึกที่ปราสาทนครวัดที่ทำให้สืบค้นประวัติความเป็นมา......
ไกด์เพชรกล่าวต่อ ....


แน่นอนว่า จากนี้ต่อไป “เสียมเรียบ” กำลังพัฒนาด้านการท่องเที่ยวขนานใหญ่ ทั้งในด้านการจัดการพื้นที่  จุดต้อนรับนักท่องเที่ยว การบริหารพื้นที่จอดรถ (ที่ถูกต้อง สวยงาม) ร้านขายของที่ระลึก ห้องน้ำขาเข้าขาออก การดูแลความสะอาด รวมถึงจุดพื้นที่แสดงข้อมูลของแต่ละโบราณสถาน (Exhibition Hall)  การจัดการความปลอดภัย (ตอนกลางวัน ก็จะมีตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวนมากที่คอยตรวจตรา (นอกเครื่องแบบ)  ตอนค่ำก็จะมีตำรวจหน่วย Flying Tiger มาดูแลอีกที) การกำหนดบทลงโทษของคนที่ทำอันตรายแก่นักท่องเที่ยวจะสูงกว่าที่การเกิดกับประชาชนทั่วไป  หลังจากนี้ อีก 2-3 ปี เราคงจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของกัมพูชาในก้าวต่อไปอย่างแน่นอน


และแล้ว คำตอบที่แท้จริงว่าทำไมต้องมา อาจไม่สำคัญ มากกว่าที่จะบอกตัวเองว่ามาแล้วได้อะไร ความสำเร็จในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงความสำเร็จในอนาคต หากแต่ วันหนึ่งทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนแปลง ความรัก ความโลภ ความหลง ล้วนเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ได้เสมอ ถ้าเราใช้เป็น สร้างสมดุลแห่งความพอดี ท่ามกลางความเข้าใจในรากฐานของความเป็นไปในอดีต ยอมรับและสร้างมิตรภาพที่ดีซึ่งกันและกัน สังคมแห่งความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ในทุกแห่ง ภายใต้หัวใจที่สงบ เยือกเย็น แต่อ่อนไหว



ขอขอบคุณ “พี่พี” ผู้นำทริปใจดี “พี่คิง” เจ้าบ้านที่ต้อนรับอย่างดียิ่ง  และเพื่อนๆ ชาว KsmeSixSense All G. พี่แตงและสามี พี่ไช้ ซุ้ง อี่ บูเบ้ แอน อุ๋ม หลา กระต่าย พี่อ้อย พี่เม้าท์ นีนี่ ทราย พี่ก้อย วีวี่ พี่ง้วน พี่คม จิ๋ว เอกชล  โอ เมย์ น้องเอมมี่  น้องเจี้ยบ และ ไกด์อุ๋ย ...ที่ทำให้เป็นทริปนี้ เป็นทริปแห่งความทรงจำดีๆ ตลอดไป ...ขอบคุณครับ :)

ปล.ที่มาภาพทั้งหมด จากเพื่อนชาวทริปนี้ทั้งสิ้น ...ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคับ














วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

ลาวใต้ มนต์เสน่ห์...แหล่งผลิตกาแฟชั้นดี

ลาวใต้ มนต์เสน่ห์...แหล่งผลิตกาแฟชั้นดี

ดร.กรัณย์ สุทธารมณ์ (นมธ.4)

พื้นที่ราบสูง โปลาเวน....ชื่อที่คุ้นหูมานานแสนนาน

ด้วยมิตรภาพของเพื่อน...ทำให้ต่างแพ็คกระเป๋าเตรียมเดินทางกันอีกครั้ง (21 กพ.) โดยสายการบินนกแอร์ เพื่อไปลงเครื่องที่จังหวัดอุบล ระหว่างบนเครื่องก้อเจอพี่ไช้ชวนชิม นักการตลาดตัวยงผู้ร่วมก่อตั้ง KsmeCare ดีใจจุง (เพียง 50 นาทีก้อมาถึงสนามบินจังหวัดอุบลฯ) ลงเครื่องซักพักก็รวมตัว ทีมนักผจญภัย ตั้งแต่ พี่เปิ้ลและพี่ปอย (แห่งdomybest) พี่ไก่ (เอกอัครฑูต) พี่รงค์ (เกาะจิกรีสอร์ท) พี่รีย์ (แห่งรีเวอร์ไซด์) พี่บ๊อยซ์ (เซียนหุ้นตัวเก๋า) น้องเต๋า (หนุ่ม Hot แห่ง AOT) และไกด์กิตติมศักดิ์ของเราในทริปนี้......”บอยปากซอง” แห่งนมธ.4





ขึ้นรถตู้ที่ได้เช่าจากจ.อุบลให้มารอรับ เพื่อเป็นพาหนะให้พวกเราตลอดทริป จากนั้นก้อมารับประทานอาหารกลางวันที่ ร้านสามชัย...ก๋วยจั๊บญวน โจ๊ก ปาท่องโก๋น้ำข้นหวาน  ทยอยเสริฟ์แบบไม่อั้น ...เมื่ออิ่มหนำพอควร เดินทางอีก 90 km. ประมาณ 1 ชม. ก้อมาถึง “ช่องเม็ก” เดินทางผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง (ชำระคนละ 20 บาท) ลอดอุโมงค์ข้ามประเทศ เพื่อข้ามมายังฝั่งลาว (ทางเดินต่างๆ ค่อนข้างแตกต่างจากฝั่งไทยนิส) จุด Duty Free เป็นจุดช๊อปแรกที่นักท่องเที่ยวต้องมาใช้บริการ โดยเฉพาะสินค้าประเภท แอลกอฮอล์ และเราก้อได้มาเพียงพอสำหรับทริปนี้ด้วย (Glenlivet  2 ขวด กับไวน์และแชมเปญอีก 4 ขวด) เดินเล่นซักพัก รถตู้ก้อมารับเรา เพื่อมุ่งหน้าสู่ “เมืองปากเซ” นั่งรถเข้าไป 30 นาที ก้อมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำโขง เริ่มเห็นคฤหาสน์ของคุณนายดาวเรืองอยู่ลิ่บๆ สัญญาลักษณ์ว่าเรามาถึงลาวแล้วแน่ๆ





เพื่อเป็นการตอกย้ำการมาถึง เพื่อนบอยจึงพาไปทานร้านอร่อยของที่นี้ ....”ร้านเฝอลานคำ” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ข้างคฤหาสถ์คุณนายดาวเรือง จัดไปคนละชาม กับน้ำมะพร้าว  น้ำซุปที่นี้รสชาติกลมกล่อม แถมใส่พริกลาวเพิ่มรสเผ็ดยิ่งแซบหลาย (ใส่นิดๆนะ) อร่อยมาก รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 2 แสนแปดหมื่นแปดพันกีบ....(1,150 บาท) แอบสำรวลคนลาวที่มาทานร้านนี้มีสวยๆหล่อๆ แฟชั่นไม่เบาเหมียนกัยนะเนี่ยะ

จากนั้นเหล่านักผจญภัยนักธุรกิจ เป็นไปไม่ได้ที่จะพลาดการติดต่อสื่อสาร จึงมุ่งไปร้านโทรศัพท์ลาวกันเพื่อที่จะซื้อซิมลาวกัน เพื่อใช้บริการอินเตอร์เน็ต (80 บาทค่าซิม 1G 20 บาท ถ้า Unlimit ก็ 500 บาท) นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือที่นี้ ก้อยังถูกกว่าที่เมืองไทย ประมาณ 3,000 – 4,000 บาท (Note 4 3G ลาว 22,000 บาท ไทย 25,900 บาท) แต่ต้องใช้ดุลยพินิจนะจ๊ะ ออกจากร้านเพียง 20 นาที เวลา 15.45 น. ก้อมาถึง โรงแรมจำปาสักแกรนด์ ที่พักตลอด 2 คืนของเรา นั่งรอบริเวณล๊อบบี้ ซักพัก พี่รีย์พี่ใหญ่แห่งรีเวอร์ไซด์ ก้อสบตากับ GM.ของโรงแรมที่นี้...ทันใดนั้น....”เฮ้ย ปุ๊ มาอยู่ที่นี้เหรอ” จากนั้น บทสนทนาของเจ้านายเก่า กับลูกน้อง ก้อทำให้เรามีเพื่อนสมาชิกร่วมก๊วนเพิ่มไปอีกคน....







เข้าพักห้อง 1419 สำรวจห้องพัก เก็บของ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า  เพื่อลงมาตามที่นัดกันเวลา 16. 00 น. (เด่วมืด) เพื่อมุ่งหน้าเรียนรู้ประเทศลาวให้มากขึ้น จุดเป้าหมายของเราจึงกำหนดไปที่ “วัดภู” (ปราสาทหินวัดภู) นั่งรถไปก้อฟังเพื่อนบอยเล่าให้ฟังถึง ทำไมถึงมาทำธุรกิจที่นี้ ประสบปัญหาอะไรบ้าง...ตลอดทาง  จนมาถึงทางเข้าวัด ที่นี้ต้องชำระค่าเข้า (ซึ่งต่างชาติก้อแพงกว่าตามระเบียบ) จากนั้นมีรถกอลฟ์มารับเข้าไปหน้าทางเข้าอีกที....เพียงแค่เห็นทางเข้า ก็ขนลุกถึงความยิ่งใหญ่ของปราสาทหินวัดภูครั้งในอดีต ....เดินขึ้นแต่ละชั้นๆ ที่นี้ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เพราะบันไดทางขึ้นชันและแคบ  และแล้วก้อมาถึงพระพุทธรูปที่อยู่บนยอดปราสาท...กราบนมัสการ พร้อมเดินชมภาพหินรูปช้างและพระ รับน้ำศักดิ์สิทธิ์จากธารหินบนยอด บรรยากาศโดยรอบเก่าแก่ แต่ยังขาดการบูรณะอีกมาก .. ที่ว่าเหนื่อยๆกัน พอมองลงไปเห็นวิวสวยงามของบริเวณโดยรอบปราสาทก็ทำให้หายเหนื่อยเลยทีเดียว
กว่าลงมาถึงข้างล่างจึงเริ่มมืดเลย (ดูเหมือนพวกเราจะเป็นคณะสุดท้ายเลยนะเนี่ยะ)






เริ่มหิวอีก...เป้าหมายของเราจึงมุ่งเป้าไปที่ ร้านอาหารริมน้ำโขง...”เรือนแพแม่โขงล้านช้าง” ถูกแนะนำให้แก่พวกเรา และไม่ผิดหวัง บรรยากาศดี  (ฟังเพลงไทยสไตล์ลาวเพลินเลย) อาหารอร่อย โดยเฉพาะ ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ต้มยำปลาบึก ร่วมกับวิสกิ้ดีๆ ซักแก้ว กับเพื่อนดีๆ เยี่ยมไปเบย
ดื่มไปดื่มมา กลับไปต่อที่โรงแรม กว่าจะนอนก้อตีสอง...



เช้ารุ่งขึ้น (21 กพ.) วันนี้เราจะได้ไปชมไร่กาแฟของบอยกัน โดยจะแวะเยี่ยมชมน้ำตก 2 แห่ง ระหว่างทาง “น้ำตกตาดฟาง” คือที่แรกของเรา แค่เดินผ่านทางเข้าก้อพบกับความเย็นเยือก จากนั้นก็จะพบช่องเขา มีน้ำตกสองสายทะลุเขา สวยงามมาก (ถ่ายรูปๆแล้วก้อถ่ายรูป)  จากนั้นก้อมายังแห่งที่สอง “น้ำตกตาดเผือน”  ที่นี้บอยแนะนำให้รู้จักกับลูกสาวเจ้าของทั้งสองคน น่าฮักและเอ็นดู ขยันขันแข็งมาก “... แม่เค้าเป็นเจ้าของ สัปทานกับรัฐลาวเหมือนกัน นักท่องเที่ยวชอบมาที่นี้ เพราะน้ำตกสวย ลงไปได้ถึงข้างล่างน้ำตก  ฝรั่งคนไทยชอบมาที่นี้ ส่วนบริเวณเหนือน้ำตกคนลาวก็นิยมมาปิ๊กนิก นั่งเล่น ทานข้าวกันที่นี้ด้วย” จากนั้นเดินผ่านทางลงไปชมน้ำตกข้างล่าง ลง-ขึ้น พอได้เหนื่อยและเหงื่อ (มาก) จึงมาทานอาหารที่ร้านของลูกสาวเจ้าของทั้งสอง....รับรายการกันแบบไม่ยั้ง ตำลาว (ทั้งเผ็ดและไม่เผ็ด) น้ำตก ซุปหน่อไม้ หมูเปรี้ยว ปลาปิ้ง ข้าวเหนียว ฯ เรียกว่าถึงลาวกันเลยคราวนี้.....อิ่มแซ่ปกันอย่างสุดๆๆ (ชำระค่าเสียหายไป 600,000 กีบ)




อิ่มหนำกัน ก่อนจะแวะไร่กาแฟ เพื่อนบอยจึงพามาแวะเข้าห้องน้ำห้องท่า ดื่มกาแฟ (แก้วที่สามของวันนี้) “สบายดีวัลเล่ย์” ที่พัก ที่บอยบอกว่าเหมือนเป็นบ้านทีสอง (มาบ่อยมากๆๆ) ราคาที่พัก 375,000 กีบ (ประมาณ 1,500 บาท)  ที่นี้ออกแบบได้สวยงาม แบ่งเป็นโซนจำหน่ายของที่ระลึก โซนนั่งเล่น โซนกาแฟ และโซฟาริมระเบียง







จากนั้นเพียง 15 นาที ก้อมาถึงทางเข้าซอย เลาะกำแพงไปประมาณ 800 เมตร ก้อมาถึง เรือนเพาะชำกล้ากาแฟ เพื่อนบอยเริ่มแนะนำทีมงาน 6-7 คน ที่ประจำอยู่ที่นี้ ส่วนใหญ่คือคนที่มาจากเมืองไทย โดยมีหัวหน้าทีมที่เคยทำงานกับบอย มาคอยดูแลอยู่  “....กล้ากาแฟทั้งหมดนี้ เราเพาะเอง ปลูกเอง ใช้ระบบสปริงเกอร์ที่เราทำกันเอง ตอนนี้ปลูกได้ 2,000 ไร่ จากพื้นที่ 7,000 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นพันธ์อาราบีก้า โดยปลูกต้นไม้ใหญ่แซมไร่กาแฟ เพื่อให้ร่มเงา เพราะกาแฟไม่ชอบแดดจัด  ตอนนี้ว่าจะเปลี่ยนใช้ต้นสะตอเพราะว่าได้ผลไปขายได้  ต้นกาแฟเมื่อครบ 3 ปีจะเริ่มให้ผลผลิต  ตอนนี้ 5 ปี เราได้ผลผลิตไปสองรอบแล้ว ที่สำคัญคือดินที่นี้ ดีมาก เป็นดินภูเขาไฟ ดินดำ ที่ที่นี้ตั้งอยู่เมืองปากซอง บนที่ราบสูงโบลาเวน ซึ่งเป็นที่มีอากาศชื้นตลอดทั้งปี ทำให้เหมาะสมกับกับปลูกกาแฟมาก”  บอยพาพวกเราเดินชมไร่กาแฟโดยรอบ จากนั้น....”ผลผลิตส่วนใหญ่ตอนนี้ส่งออกต่างประเทศทั้งหมด ผมมีแผนที่จะแปรรูปให้เป็นผลผลิตกาแฟชั้นดี สร้างแบรนด์เองเหมือนกัน ตอนนี้  ได้สร้างโรงงานแปรรูปอยู่อีกด้านหนึ่ง ...เด่วจะพาไป นั่งรถอีกประมาณ 15 นาที ก้อเข้าพื้นที่โรงงาน ...พื้นที่โรงงานกว้างขวางมาก มีโซนบ้านพักหัวหน้างาน โรงปอกเปลือกและหมักเมล็ดกาแฟ โรงเก็บผลผลิตเม็ดกาแฟ อาคารสำนักงาน และที่สำคัญลานตากเมล็ดกาแฟที่กว้างขวางมากกกก ....บอยบอกว่ากำลังจะขยายลานตากไปอีกเท่าหนึ่ง...”แม่เจ้า...” ไม่ธรรมดาเลย บอยเริ่มพรรณาถึง สรรพคุณของเครื่องจักรแต่ละตัว ที่สั่งนำเข้ามาเอง โดยให้ช่างที่โรงงานประกอบกันเอง แต่ได้ประสิทธิผลดีเยี่ยม ....นำชมเสร็จแล้ว บอยได้เปิดเผยให้พวกเราทราบว่า “...การมาลงทุนที่ประเทศลาว สำคัญคือ ต้องอดทน ต้องเข้มแข็ง จะทำอ่อนแอไม่ได้ การสัมปทานที่ดินต้องทำให้ภาครัฐเห็นความสำคัญและประโยชน์ที่ประเทศเค้าจะได้ด้วย ไม่ใช่เราได้คนเดียว เราต้องดูแลคนของประเทศเค้าเหมือนหรือยิ่งกว่าประเทศเรา ไม่มีใครเป็นพี่ เป็นน้องใคร เราเท่ากัน มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน....การใช้ภาษาที่ดี การถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ก็จะทำให้เราทำธุรกิจที่นี้ได้อย่างผาสุก”

สำหรับผมแล้ว..วันนี้ เราได้เห็นตัวอย่างของนักธุรกิจรุ่นใหม่เริ่มบุกเบิกธุรกิจในต่างแดนเองตั้งแต่อายุ 35 ปี ฝ่าฟันกว่าจะได้สัปทานที่ดินในเนื้อที่ 7,000 ไร่ ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟ เทคโนโลยี กระบวนการผลิต จนมาวันนี้ผลผลิตของเค้าได้รับการตอบรับจากตลาดต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ...และเราเชื่อว่า วันหน้าเราจะได้เห็น ได้ชิม “กาแฟบอย” หรือในแบรนด์อื่นๆที่มีวางตลาดให้เราได้ชื่นชมได้อย่างแน่นอน

“...เอิ้นบอยก้อได้”



เป็นกำลังใจกับเพื่อนบอยครับ